Share on
ไม่ว่าคุณจะขับรถ ขี่มอเตอร์ไซค์ นั่งโดยสาร เดินบนฟุตพาท หรือแค่เดินข้ามถนน…
สิ่งสำคัญที่พี่เซฟอยากให้พกติดตัวไว้เสมอ คือ “สติ” และ “ความตระหนักรู้ในสถานการณ์” เพราะ 2 สิ่งนี้จะทำงานร่วมกันเหมือนเรดาร์ส่วนตัว ช่วยให้เรารับรู้ทันความเสี่ยง ตัดสินใจได้แม่น และเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างปลอดภัย!
แล้ว “ความตระหนักรู้ในสถานการณ์” คืออะไร?
ความตระหนักรู้ในสถานการณ์ (Situation Awareness หรือ SA) คือ ความสามารถในการรับรู้ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ณ เวลาและสถานที่นั้น ๆ รวมถึงความเข้าใจในความหมายของปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้ โดยอาศัยข้อมูลจากการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส ข้อมูลที่มี ความจำ และการใส่ใจในสถานการณ์นั้น ๆ หรือเอาแบบคิดง่าย ๆ ก็คือ “การรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว” ตั้งแต่
- สังเกตเห็นอะไรบ้าง
- เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง
- ไปจนถึงการคาดเดาว่า…แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
ความตระหนักรู้ แบ่งเป็น 3 ระดับหลัก
1. รวบรวมข้อมูลและสังเกตการณ์ (Data and Observation)
คือการรับรู้ข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนน การจราจร สภาพอากาศ คนเดินเท้า ความเร็วรถ สัตว์ต่าง ๆ หรือแม้แต่ความพร้อมของตัวเราเอง เราต้องรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขณะขับขี่
2. แปลความหมายและประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
หลังจากได้ข้อมูลมาแล้ว เราควรตีความหมายของข้อมูลเหล่านั้นเพื่อตอบสนองด้วยความรวดเร็ว ซึ่งขั้นตอนนี้แหละที่ต้องระวังให้ดี เพราะข้อมูลที่เราเห็นอาจจะถูกบิดเบือน หรือตีความผิดไปจากความเป็นจริงได้ง่าย ๆ เนื่องด้วยความไม่ชัดเจน คลุมเครือ หรือภาพลวงตา เช่น เราอาจคิดว่ารถบรรทุกที่จอดอยู่กำลังเคลื่อนที่ หรือรถพ่วงกำลังตีโค้งแล้วเราไม่รู้ “ความตระหนักรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง = หายนะที่มาเยือนเราได้”
3. คาดการณ์ล่วงหน้า (Hazard Perception)
คือการที่เราสามารถ “คาดคะเน” สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้ เป็นการนำความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ผนวกกับประสบการณ์ที่เคยสะสมไว้ในความจำ มาใช้คาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และนำไปสู่การตัดสินใจหลีกเลี่ยงอันตรายนั้น ๆ ได้อย่างทันท่วงที
แล้วเราจะฝึกสกิลนี้ได้ยังไง?
พี่เซฟชวนมาฝึก “สกิลหยั่งรู้” ให้เฉียบขึ้น ด้วยเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้
- อยู่กับปัจจุบัน โฟกัสการขับขี่ ไม่ปล่อยให้ใจลอย
- คิดไว้ก่อน เห็นสถานการณ์หนึ่ง อย่ารอให้เกิด แต่อยากให้คิดว่า “อะไรจะตามมา”
- ไม่พร้อม = หยุด ถ้าเหนื่อย ง่วง อารมณ์ไม่ดี หยุดพักก่อน
- วางแผนล่วงหน้า เตรียมตัวให้พร้อม ทั้งรถ ทั้งร่างกาย
- มองรอบ ๆ เสมอ ไม่ใช่แค่ข้างหน้า แต่ข้างทางและด้านหลังก็สำคัญ
- สังเกตคนอื่น พฤติกรรมผู้ใช้ถนนรอบตัว คือคำใบ้ว่าอะไรอาจเกิดขึ้น
- เตรียมแผน B เผื่อใจไว้เสมอ ว่าถ้ามีอะไรผิดพลาด เราจะทำไง
- สร้างระบบเตือนตัวเอง ทั้งด้วยสายตา เสียง และการพูดกับตัวเองเบา ๆ เช่น “ชะลอก่อนนะ” หรือ “รถคันนั้นมาเร็ว”
การฝึก “สกิลหยั่งรู้” ก่อนเกิดเหตุบนถนน หรือ “ความตระหนักรู้ในสถานการณ์” (Situation Awareness หรือ SA) อยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องยาก!! เชื่อพี่เซฟเถอะว่าสกิลนี้!! จะช่วยให้เราตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ไม่ปลอยให้ตัวเองต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขัน หรือความเสี่ยงทางถนนโดยไม่จำเป็น
เริ่มฝึกวันนี้ให้เป็นนิสัย แล้วถนนจะปลอดภัยขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ 🙂
ที่มา : TSY Camp คู่มือส่งเสริมการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนสำหรับเด็กและเยาวชน, กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข