Road Safety System ระบบความปลอดภัยทางถนนที่สร้างไปพร้อมกับเมืองและผู้คนได้ – ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)

Road Safety System ระบบความปลอดภัยทางถนนที่สร้างไปพร้อมกับเมืองและผู้คนได้ - ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
237

Share on

“ความปลอดภัยทางถนน ต้องเริ่มจัดการที่ระบบ ควบคู่กับการให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึก” เสียงจากแพทย์ผู้ปูทางขับขี่ปลอดภัยในไทย นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน และเลขาธิการมูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย หนึ่งในบุคคลเบื้องหลังการขับเคลื่อนนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนมาอย่างยาวนาน ผู้ที่เชื่อมั่นว่า “การป้องกันเป็นหนทางที่ดีที่สุด”

ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านข้อมูล วิชาการ และงานวิจัย ดำเนินงานภายใต้มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย โดยมี สสส. เป็นผู้สนับสนุนหลัก เป้าหมายสำคัญคือทำให้ “องค์ความรู้ถูกนำไปขยายผลใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน” เช่น การผลักดันหลักสูตรในโรงเรียน การวิเคราะห์ความเสี่ยงในชุมชน หรือแม้แต่การทำข้อเสนอสู่การปรับกฎหมาย เช่น การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

“เราทำงานร่วมกับภาคีหลากหลาย ตั้งแต่หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย ไปจนถึงภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนทั้งเชิงระบบและเชิงพื้นที่” นพ.ธนะพงศ์กล่าว ซึ่งหนึ่งในแนวคิดสำคัญที่ ศวปถ. นำมาใช้คือ “ระบบความปลอดภัย” (Safe System Approach) เป็นการวิเคราะห์และมองปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ขับขี่ ถนน และยานพาหนะ รวมถึงระบบการจัดการ โดยไม่ระบุโทษที่ตัวปัจเจกบุคคลเพียงอย่างเดียว  

“วัคซีนทางถนน คือระบบความปลอดภัย” นพ.ธนะพงศ์ เปรียบเทียบการจัดการความปลอดภัยทางถนนกับการรับมือโควิด-19 ว่า “เราต้องมีทั้งระบบวิเคราะห์ความเสี่ยง และระบบป้องกันที่ทำให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” ซึ่งสังคมไทยเราสามารถทำได้ผ่านการจัดการความปลอดภัยให้เป็นระบบ และเติมองค์ความรู้ให้คนสามารถดูแลป้องกันตนเองได้ โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงตามไทม์ไลน์ในแต่ละเดือนตลอดปี (ปฏิทินความเสี่ยง) ไปจนถึงความเสี่ยงทางถนนเฉพาะพื้นที่ตามวาระ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟในภาคอีสาน งานรับน้องในรั้วมหาวิทยาลัย สู่การออกแบบและวางระบบจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยมีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าภาพสำคัญ

สำหรับบุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ได้ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายภาคีของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อช่วยกันเสริมจุดเน้นสำคัญไม่ว่าจะเป็น งานเชิงระบบผ่านกลไกศูนย์ถนนทั้งส่วนกลางและส่วนพื้นที่ และงานเชิงประเด็นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับความปลอดภัยทางถนน เช่น การใช้รถจักรยานยนต์ การดื่มไม่ขับ

“เราต้องทำให้สังคมเห็นว่า ความเสี่ยงเป็นเรื่องที่จัดการได้ ไม่ใช่รอให้เกิดก่อนแล้วค่อยหาทางป้องกัน”

และเมื่อถามถึงบทบาทของผู้ปกครองและครู นพ.ธนะพงศ์ เน้นว่า “การปลูกฝังความปลอดภัยทางถนนเริ่มได้จากสิ่งเล็ก ๆ” อาทิ พ่อแม่ขี่มอเตอร์ไซส์สวมใส่หมวกกันน็อกทุกครั้ง ทุกคนในครอบครัวที่ขับรถยนต์จะนั่งหน้า นั่งหลังมีการคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ สิ่งเหล่านี้จะทำให้บุตรหลานของเราได้ซึมซับโดยไม่ต้องสั่ง เป็นต้น หรือโรงเรียนมีกฎกติกาเรื่องความปลอดภัยทางถนนที่ชัดเจน เช่น นักเรียนที่ไม่มีใบขับขี่ห้ามนำรถจักรยานยนต์มา หน้าโรงเรียนมีจุดรับ-ส่ง การวางอุปกรณ์ป้องกัน และการข้ามถนนที่ปลอดภัย มีการสอดแทรกเนื้อหาในชั่วโมงเรียนที่เกี่ยวข้อง มีการตกลงข้อเสนอมาตรการความปลอดภัยร่วมกับผู้ปกครองในวันรายงานตัว (วันแสดงตนยืนยันสิทธิ์ของนักเรียน) สิ่งเหล่านี้หากทำอย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ช่วยสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัยในเด็กและเยาวชนได้

“ความหวังในอนาคต สังคมที่ร่วมกันออกแบบความปลอดภัยทางถนน”

แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในไทยยังสูงกว่าเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN อยู่มาก (24 ต่อแสนประชากร จากเป้าหมาย 12 ต่อแสนประชากรภายในปี พ.ศ. 2573) แต่ตัวชี้วัดหนึ่งที่ไทยเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นคือ เรื่องความปลอดภัยทางถนนในเยาวชน พบว่า “2 ปีที่ผ่านมาการเสียชีวิตของเด็กมัธยมต้นลดลงปีละกว่า 5% นี่คือตัวอย่างว่าถ้าเราร่วมมือกัน เราไปถึงเป้าความปลอดภัยนั้นได้” นพ.ธนะพงศ์กล่าว ซึ่งสถิติข้างต้นมาจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็น โครงการต่าง ๆ ของกรมควบคุมโรค กรมขนส่งทางบก กระทรวงศึกษาธิการ หรือแม้แต่ขับขี่ศึกษาเอง ก็มีส่วนช่วยเสริมให้ประเทศเข้าใกล้ค่าเป้าหมายได้มากขึ้น

และท้ายที่สุดนี้ นพ.ธนะพงศ์ ฝากแนวคิดว่า “การจัดการความปลอดภัยทางถนน ต้องทำอย่างเป็นระบบ (Safe System) ไม่ใช่แค่โทษคนผิดเท่านั้น แต่ต้องถามว่า ระบบตรงไหนที่ยังไม่พร้อม… แล้วลงมือแก้ไขไปด้วยกัน” ทุกครั้งที่เห็นเคสอุบัติเหตุบนหน้าสื่อ อยากให้ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์และตั้งคำถามเชิงระบบ นำมาสู่การจัดการความปลอดภัย ที่ทุกคนสามารถช่วยกันออกแบบสังคมใกล้ตัวเราได้ ช่วยกันลดความเสี่ยงทางถนนตั้งแต่ต้นทาง

และนี่คือเหตุผลที่ “ขับขี่ศึกษา” อยากชวนทุกคนมาเข้าใจและเรียนรู้เรื่องระบบความปลอดภัยทางถนนไปด้วยกัน
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือเรื่องของ “เรา” ทุกคนที่อยู่ร่วมบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชาวบ้าน หรือผู้กำหนดนโยบาย เราทุกคนสามารถเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงได้จากจุดเล็ก ๆ รอบตัว

พี่เซฟเชื่อว่า… ถ้าทุกคนมีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นคุณค่าของระบบความปลอดภัย เราจะช่วยกันสร้างถนนที่ปลอดภัยขึ้นได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

237
“ความปลอดภัยทางถนน ต้องเริ่มจัดการที่ระบบ ควบคู่กับการให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึก” เสียงจากแพทย์ผู้ปูทางขับขี่ปลอดภัยในไทย
148
ง่วง…หลับ…และตกจากเบาะหลัง ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ภาพที่คุ้นตาคือ เด็กประถมสะพายเป้ใบใหญ่ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพ่อแม่กลับบ้าน
210
การทัศนศึกษาคือวันที่เด็ก ๆ รอคอย! เพราะเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ออกไปเปิดโลก เรียนรู้นอกห้องเรียน

สนับสนุนโดย

บริหารจัดการโดย

ติดตามข่าวสารของเรา

Loading

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.