เชียงใหม่!! ยกระดับความปลอดภัยมอเตอร์ไซค์ ด้วยกล้อง AI ตรวจจราจร

เชียงใหม่!! ยกระดับความปลอดภัยมอเตอร์ไซค์ ด้วยกล้อง AI ตรวจจราจร
1,143

Share on

ผู้ช่วยสมองกล 24 ชั่วโมง ที่ไม่ได้มาเพื่อ “ช่วยชีวิต” แต่ “จับผิด”

ถนนเมืองเชียงใหม่กำลังจะเปลี่ยนไป…

ไม่ใช่เพราะสร้างถนนใหม่ หรือเพิ่มสัญญาณไฟ พี่เซฟจะบอกว่าแต่เพราะผู้ช่วยคนใหม่ ที่ไม่ต้องพัก ไม่กระพริบตา และทำงาน 24 ชั่วโมงเต็ม! ใช่แล้วครับ… พี่เชฟกำลังพูดถึง กล้องตรวจจับ AI” ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องความปลอดภัยทางถนนของชาวสองล้อในเมืองเหนือแบบจริงจัง

เชียงใหม่คือที่แรก

เชียงใหม่ เป็นจังหวัดนำร่องแรกของประเทศไทย ที่มีการใช้เทคโนโลยีกล้องตรวจจับอัจฉริยะด้วยระบบ AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มใช้เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา โดยทำการติดตั้งกล้องตรวจจับดังกล่าวครอบคลุมจุดเสี่ยงสำคัญในพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งผู้ใช้รถจักรยานยนต์กว่า 600,000 คัน

กลางคืนคือเวลาเสี่ยง

จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางจักรยานยนต์ในเชียงใหม่ พบว่า มากกว่า 70% เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะหลังสองทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีด่านตรวจ และผู้ขับขี่มักจะละเลยการสวมหมวกกันน็อก สอดคล้องกับจำนวน 80% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจักรยานยนต์ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ จากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ และนี่คือจุดที่ AI เข้ามาเติมเต็ม เพราะกล้องไม่หลับและช่วยเก็บพฤติกรรมเหล่านี้ไว้ได้หมด

เมื่อ กล้องตรวจจับ AI” กลายเป็นผู้ช่วย 24 ชั่วโมง

กล้อง AI ที่นำมาใช้ในเชียงใหม่ ไม่ได้มาเพื่อเป็นแค่ “กล้องจับผิด” แต่คือ “กล้องช่วยคิด” ที่ทำงานแทนสายตาตำรวจจราจร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มองเห็นพฤติกรรมเสี่ยงแบบเรียลไทม์ ทั้งการไม่สวมหมวกกันน็อก ฝ่าไฟแดง หรือขับย้อนศร ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเก็บข้อมูลเพื่อวางแผนจัดการจราจรแบบแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังช่วยลดความตึงเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนได้ เพราะการบังคับใช้กฎหมายไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากันตรง ๆ แต่ใช้ “หลักฐานภาพ” เป็นตัวพูดแทน และเมื่อพฤติกรรมผู้ขับขี่ถูกจับตาอย่างสม่ำเสมอ ก็เกิดแนวโน้มการปรับตัวโดยอัตโนมัติได้เอง ไม่ต่างจากการมี “ครูฝึกวินัยจราจร” ที่ยืนประจำสี่แยกตลอดเวลา

พฤติกรรมที่เริ่มเปลี่ยนไป

ในช่วง พ.ศ. 2563-2564 ซึ่งเป็นปีแรกของการติดตั้งใช้งาน กล้องตรวจจับ AI” มีการทำสำรวจว่าการมีอยู่ของกล้องอัจฉริยะนี้ ช่วยปรับพฤติกรรมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์อย่างไรบ้าง ซึ่งพบว่า อัตราการสวมหมวกกันน็อกของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น 30% รวมไปถึงการเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น ลดลงถึง 50%

แนวคิดเบื้องหลังของ กล้องตรวจจับ AI” ในเชียงใหม่ ไม่ใช่แค่ “จะจับใคร” แต่คือ “จะช่วยใคร” ให้ได้มากที่สุด
แต่เพื่อ “ป้องกันและเตือนสติ” คนขับขี่ให้เคารพกฎมากขึ้น หากระบบนี้ช่วยให้คนขับคาดเข็มขัด ใส่หมวกกันน็อก หรือหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลายได้มากขึ้น พี่เชฟก็คิดว่าน่าจะดีไม่น้อยเลย เพราะเมื่อผู้ขับขี่รู้ว่ามีสายตาเฝ้าดูตลอดเวลา พฤติกรรมก็จะค่อย ๆ ปรับตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครคอยเตือนอยู่ตลอด

เชียงใหม่กำลังยกระดับจาก “เมืองน่ารัก” เป็น “เมืองปลอดภัย” โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากเทคโนโลยีและความร่วมมือของทุกคนบนถนน พี่เชฟนี่นั่งรอวันที่เจ้า กล้องตรวจจับ AI” นี่จะมีขึ้นทั่วประเทศเลยนะครับ

แน่นอนว่าถ้าเราขับขี่ดี ก็ไม่ต้องกลัวกล้องเลย…เพราะ กล้องตรวจจับ AI” จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่ช่วยให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกครั้ง

ที่มา: ชุดความรู้การจัดการพฤติกรรมเสี่ยงจากการไม่สวมหมวกนิรภัยในระยะใกล้บ้าน, ศวปถ.

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

420
“ความปลอดภัยทางถนน ต้องเริ่มจัดการที่ระบบ ควบคู่กับการให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึก” เสียงจากแพทย์ผู้ปูทางขับขี่ปลอดภัยในไทย
294
ง่วง…หลับ…และตกจากเบาะหลัง ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ภาพที่คุ้นตาคือ เด็กประถมสะพายเป้ใบใหญ่ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพ่อแม่กลับบ้าน
402
การทัศนศึกษาคือวันที่เด็ก ๆ รอคอย! เพราะเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ออกไปเปิดโลก เรียนรู้นอกห้องเรียน

สนับสนุนโดย

บริหารจัดการโดย

ติดตามข่าวสารของเรา

Loading

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.