Share on
รู้ไหมครับว่า? อุบัติเหตุทางถนนไม่ได้เกิดจากแค่ความประมาท!
อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องซับซ้อนที่เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ความประมาทส่วนบุคคล แต่ยังรวมถึง คน รถ และถนน ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุฯ ในปี 2566 (ThaiRSC) ระบุว่า ปัจจัยด้านบุคคล หรือ ผู้ขับขี่ เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของสาเหตุทั้งหมด
และหากเจาะลึกไปที่ “ผู้ขับขี่” เราจะพบว่า ขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจะพาตัวคุณและผู้โดยสารไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ การเข้าใจขีดจำกัดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้อง “รู้ทัน” เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
มาดูกันดีกว่าครับว่า ขีดจำกัดของมนุษย์ที่เราควรใส่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยมีอะไรบ้าง
1. ด้านการมองเห็น: สายตาที่จำกัด
สายตาเราไม่สามารถมองเห็นได้กว้างสุดขอบโลก การมองเห็นในแนวตั้งอยู่ที่ประมาณ 135 องศา และแนวนอน 160 องศา ทำให้เกิดจุดบอดได้ง่ายถ้าไม่กวาดสายตาให้ทั่ว
- จำไว้ว่าการโฟกัสภาพที่ชัดต้องใช้ “จุดโฟเวีย” ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ของจอตาที่ให้ภาพคมชัดที่สุด
- ฝึกกวาดสายตาเป็นประจำ และแบ่งการมองเป็น 3 ระยะ คือ ระยะใกล้ (หน้าปัดและกระจก), ระยะกลาง (สิ่งรอบตัว) และระยะไกล (เส้นทางข้างหน้า) เพื่อไม่พลาดสิ่งสำคัญ
ซึ่งการโฟกัสในการขับขี่แบ่งเป็น 3 ระยะ ด้วยกัน ได้แก่
- ระยะใกล้ (ไม่เกิน 3 เมตร) : ใช้มองหน้าปัดรถ กระจกมองข้าง กระจกมองหลัง ระวังอย่าเสียเวลาไปกับการหยิบจับของในรถมากเกินไป เพราะจะทำให้เสียสมาธิในการมองระยะกลางและไกลนะครับ
- ระยะกลาง (3-10 เมตร) : ใช้มองสิ่งรอบตัวเวลาเดินหรือขับขี่ เป็นระยะที่ใช้บ่อยที่สุด และสำคัญมากในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด
- ระยะไกล (มากกว่า 10 เมตร) : สำคัญมากเมื่อขับรถด้วยความเร็ว เพราะต้องโฟกัสวัตถุระยะไกล และกวาดสายตาด้วยโฟเวียเสมอ เพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนและครอบคลุมพื้นที่ขับขี่ที่ปลอดภัย
2. ด้านการได้ยินและดมกลิ่น
เสียงเตือนต่าง ๆ เช่น แตรรถ หรือเสียงไซเรน เป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ
- หู : บางทีเสียงแตรจากรถคันใหญ่ ๆ เราก็อาจจะไม่ได้ยิน หรือถ้าเปิดเพลงเสียงดัง ๆ ในรถ ก็อาจทำให้เราไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมาก ๆ
- จมูก : แม้จะไม่ได้มีผลโดยตรงเท่าตาและหู แต่ก็มีส่วนช่วยในการรับรู้สิ่งรอบตัวได้เหมือนกัน เช่น เราอาจจะได้กลิ่นบางอย่างที่ทำให้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อาทิ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นไหม้
3. ด้านการประมวลผลและตอบสนอง
การขับขี่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- การตัดสินใจ : ถ้าเราตอบสนองช้าหรือเร็วเกินไป โดยไม่ประเมินความเสี่ยงและอันตรายก่อน ก็อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดเรื่องร้ายแรงได้ครับ เช่น การฝ่าสัญญาณไฟจราจร การถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากโทรศัพท์ หรือความเหนื่อยล้าก็มีผลต่อการตอบสนองของเราครับ
- สภาวะจิตใจและอารมณ์ : อารมณ์ของเราก็มีผลกับการขับขี่ ถ้าเราอารมณ์ไม่ดี โมโห ก็อาจจะขับรถเร็วขึ้น หรือถ้าเครียด ซึมเศร้า เหม่อลอย ก็อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดหรือช้าเกินไปได้
พี่เซฟอยากบอกทุกคนครับว่า เครื่องมือป้องกันอุบัติเหตุที่ดีที่สุด คือ “ตัวเราเอง” การรู้จักขีดจำกัดของร่างกายและสภาพจิตใจ
เพราะเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาคุณและคนรอบข้างถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
ก่อนจะขับรถทุกครั้ง อย่าลืมตรวจเช็กสภาพร่างกายใจ พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์บนถนนครับ!
ที่มา :
TSY Camp คู่มือส่งเสริมการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนน สำหรับเด็กและเยาวชน และคู่มือผู้จัดการเรียนรู้ “ทักษะคิด เอาชีวิตรอดภัยบนท้องถนน” สำหรับเด็กอายุ 13-19 ปี ภายใต้โครงการ TSY Program, กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข