 
													Share on
รู้หรือไม่ 37% ของผู้ใช้ยานพาหนะเคยประสบอุบัติเหตุทางถนนจากการหลับในอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต
ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า “การหลับใน” ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางถนนที่ไม่อาจมองข้ามได้
ต้นต่อของการหลับในมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้จังหวะการทำงานของร่างกายผิดเพี้ยนและเกิดความเหนื่อยล้าขึ้น วันนี้พี่เซฟจะพาทุกคนไปรู้จักกับ “ความเหนื่อยล้า” ว่าอาการนี้มีความสัมพันธ์กับร่างกายของเราอย่างไร และสร้างผลกระทบต่อการใช้รถใช้ถนนของเราอย่างไรได้บ้าง
นิยาม “ความเหนื่อยล้า”
ความเหนื่อยล้า (Fatigue) หมายถึง ระดับความอยากนอนหรือความง่วงที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในทางที่แย่ลง จนนำไปสู่ความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุได้ เช่น การหลับในขณะขับขี่ยานพาหนะ
ประเภท“ความเหนื่อยล้า”
ความเหนื่อยสามารถแบ่งออกเป็น 2 อาการด้วยกัน คือ
- ความเหนื่อยล้าเฉียบพลัน
เกิดขึ้นจากการใช้งานร่างกายในลักษณะหนึ่งเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้หยุดพัก เช่น การขับรถทางไกลเป็นเวลานาน
- ความเหนื่อยล้าสะสม
เกิดขึ้นจากการใช้งานร่างกายในลักษณะหนึ่งเป็นระยะเวลานาน “สะสม” ต่อเนื่องหลายวัน เช่น การทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันหลายวันจนวูบหลับขณะขับรถ
สาเหตุที่ทำให้เกิด“ความเหนื่อยล้า”
สาเหตุของความเหนื่อยล้าแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุใหญ่ที่สัมพันธ์กัน คือ
- จังหวะของร่างกายในรอบวันผิดเพี้ยน
ความผิดเพี้ยนที่ว่านี้สัมพันธ์กับระบบ “นาฬิกาชีวภาพ” หรือ “นาฬิกาชีวิต” (Biological Clock) ที่คอยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งระบบนี้มักจะเกิดปัญหาขึ้น หากเราใช้ร่างกายเกินขอบเขตที่นาฬิกาชีวภาพวางระบบไว้ เช่น นอนหลับไม่เพียงพอ
 
													
- การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ
การนอนหลับเป็นหนึ่งในความต้องการทางกายภาพพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกาย ซึ่งเราต้องการเวลานอนหลับเฉลี่ย 8 ชั่วโมง/วัน หากชั่วโมงการนอนน้อยกว่าที่ร่างกายกำหนด สมรรถนะของร่างกายจะทำงานลดลง ส่งผลต่อระบบนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย
 
													“ความเหนื่อยล้า” ทำให้การขับขี่เสี่ยงขึ้นแบบไม่รู้ตัว
- ร่างกายตอบสนองช้าลง เมื่อร่างกายล้า สัญชาตญาณการหลบหลีกหรือเบรกฉุกเฉินจะช้าลงทันที อุบัติเหตุที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเกิดขึ้นง่าย
- ตัดสินใจพลาด ความเหนื่อยทำให้คุณภาพการคิดช้าหรือคิดผิด เช่น เลี้ยวผิดทาง หรือไม่เบรกในจังหวะที่ควร
- ความจำแย่ลง จำผิดทาง หลงทาง เลี้ยวผิด ตัวอย่างพฤติกรรมการขับขี่ที่เป็นผลพวงมาจากประสิทธิภาพของความจำที่ลดลง ซึ่งอาจพาให้เกิดอันตรายได้
- อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยแล้วหงุดหงิดง่าย อารมณ์ติดลบนี้ อาจทำให้ขับรถแบบไม่มีสติ เสี่ยงทั้งตัวเองและคนอื่น
วิธีการแก้ปัญหา “ความเหนื่อยล้า”
- นอนหลับให้เพียงพอ : ข้อนี้อาจเป็นข้อสำคัญที่สุดของการจัดการความเหนื่อยล้า เนื่องจากการพักผ่อนที่เพียงพอ คือหัวใจของการทำให้ร่างกายมีความพร้อมที่สุดสำหรับการเดินทาง
- เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยน : เนื่องจากนาฬิกาชีวิตคือตัวกำหนดกิจกรรมของร่างกายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายได้ทำงานภายใต้ระบบนาฬิกาชีวิตที่เหมาะสม เราควรใช้งานร่างกายให้เหมาะกับช่วงเวลาต่าง ๆ เวลาไหนควรนอน เวลาไหนควรทำงาน เวลาไหนควรพัก
 
													 
													
- วางแผนการเดินทางล่วงหน้า : การเดินทางเป็นกิจกรรมที่เรามักจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การใช้งานร่างกายเหมาะสมกับนาฬิกาชีวิต การวางแผนการเดินทางว่าควรจะจัดการร่างกายอย่างไร จะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายของเรามีความพร้อมที่สุดก่อนออกเดินทาง
- การหยุดพักสั้น ๆ ขณะขับขี่ : การขับขี่ในบางเส้นทาง อาจมีระยะทางที่ไกล ทำให้ใช้เวลาเดินทางนาน ซึ่งร่างกายของคนเราไม่ได้เหมาะสมที่ใช้งานในลักษณะหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ โอกาสเสี่ยงที่ร่างกายจะเกิดความเหนื่อยล้าขณะเดินทางจึงมีสูง ดังนั้น ควรออกแบบให้ร่างกายได้มีจุดหยุดพัก ผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งการได้งีบหลับในพื้นที่ที่ปลอดภัย ทุก 2 ชั่วโมง หรือ 150-200 กิโลเมตร เพื่อพักฟื้นคืนพลัง ให้ร่างกายพร้อมสำหรับการเดินทางต่อไป
- หลีกเลี่ยงการออกเดินทางในเวลากลางคืน : นาฬิกาชีวิตของคนเราออกแบบมาให้นอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืน ดังนั้นการเดินทางในเวลานี้จึงเป็นการทำให้นาฬิกาชีวภาพเกิดความเสียหาย ซึ่งส่งผลต่อสมรรถภาพทางกายโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม อาจมีกรณีการนอนหลับตอนกลางวันเพื่อขับขี่ตอนกลางคืน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการเตรียมร่างกายที่ช่วยเรื่องการเดินทางได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นไปได้ เราควรใช้ร่างกายให้เหมาะสมกับเวลาของนาฬิกาชีวภาพจะดีที่สุด
 
													“ความเหนื่อยล้า” มันไม่ใช่แค่อาการง่วง แต่มันคือสัญญาณเงียบ ๆ ที่ร่างกายกำลังบอกเราว่า… พอแล้วนะ หยุดพักหน่อย
หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเหนื่อยแค่ไหน เพราะเราใช้ร่างกายแบบไม่คิดถึงข้อจำกัดของมันเลย พอพักน้อย นอนน้อย นาฬิกาในร่างกายมันก็เริ่มรวน สุดท้ายความเหนื่อยก็สะสม… แล้วกลายเป็นอาการหลับในโดยไม่รู้ตัว
ทางเดียวที่จะจัดการมันได้จริง ๆ คือ “พัก” ครับ พักแบบให้ร่างกายฟื้น ไม่ใช่แค่หลับตาแป๊บเดียวแล้วไปต่อ เพราะบนถนน ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่มันคือความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนที่อยู่บนเส้นทางเดียวกัน
อย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุก่อนถึงจะเรียนรู้ ขับขี่อย่างมีสติ พักให้พอ ดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนทุกการเดินทาง เพราะทุกชีวิตบนถนน… มีค่าเท่ากันเสมอ ด้วยรักจากพี่เซฟ ขับขี่ศึกษานะครับ
ที่มา:
– คู่มือผู้จัดการเรียนรู้ “ทักษะคิด การเอาชีวิตรอดภัยบนท้องถนน สำหรับเด็กอายุ 13-19 ปี, Thailand Safe Youth (TSY Program)
– กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, https://bit.ly/3FjezfT