ก้าวสำคัญ สู่ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ปลูกวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในหัวใจเด็ก

เด็ก ๆ ในวันนี้ ถือเป็นรากฐานของประเทศ การปลูกฝังและสร้างแนวคิดด้านความปลอดภัยทางถนนตั้งแต่ในวัยนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์มหาศาล พี่เซฟได้อ่านคู่มือดี ๆ เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “คู่มือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กด้านความปลอดภัยทางถนน” ที่เกิดจากความร่วมมือ ของหลาย ๆ ฝ่ายแล้วคิดว่าอยากจะมาเล่าให้ฟังในแบบฉบับที่เข้าใจง่ายๆ และเอาไปใช้ได้จริงครับ
604

Share on

เด็ก ๆ ในวันนี้ ถือเป็นรากฐานของประเทศ การปลูกฝังและสร้างแนวคิดด้านความปลอดภัยทางถนนตั้งแต่ในวัยนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์มหาศาล

พี่เซฟได้อ่านคู่มือดี ๆ เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “คู่มือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กด้านความปลอดภัยทางถนน” ที่เกิดจากความร่วมมือของหลาย ๆ ฝ่ายแล้วคิดว่าอยากจะมาเล่าให้ฟังในแบบฉบับที่เข้าใจง่ายๆ และเอาไปใช้ได้จริงครับ

และหากเจาะลึกไปที่ “ผู้ขับขี่” เราจะพบว่า ขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจะพาตัวคุณและผู้โดยสารไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ การเข้าใจขีดจำกัดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้อง “รู้ทัน” เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

เด็ก ๆ ในวันนี้ ถือเป็นรากฐานของประเทศ การปลูกฝังและสร้างแนวคิดด้านความปลอดภัยทางถนนตั้งแต่ในวัยนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์มหาศาล พี่เซฟได้อ่านคู่มือดี ๆ เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “คู่มือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กด้านความปลอดภัยทางถนน” ที่เกิดจากความร่วมมือ ของหลาย ๆ ฝ่ายแล้วคิดว่าอยากจะมาเล่าให้ฟังในแบบฉบับที่เข้าใจง่ายๆ และเอาไปใช้ได้จริงครับ

ก้าวสำคัญสู่ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ที่ไม่ใช่เรื่องยาก

คุณครูเคยสงสัยไหมครับว่า “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ เนี่ย หน้าตาเป็นยังไง? หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต ต้องใช้งบประมาณเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว ต้นแบบที่พี่เซฟได้อ่านจากหนังสือเล่มนี้คือ การเริ่มต้นจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรานี่แหละครับ นั่นก็คือการที่ครู “ลุกขึ้นมาเป็นนักวิจัย” ในพื้นที่โรงเรียนของตัวเอง

ที่มาของความสำเร็จนี้มาจากการชักชวนคนในชุมชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและคุณครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจาก 8 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน เชียงใหม่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ราชบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี ระนอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 16 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/โรงเรียนอนุบาล 30 แห่ง เข้ามาทำความร่วมมือกันซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาคำตอบว่า “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนหน้าตาควรเป็นอย่างไร” ก้าวแห่งความสำเร็จนี้ก็คือการทำงานเป็นทีม ทั้งทีมพี่เลี้ยงจากส่วนกลาง และทีมจากระดับภาคแต่หัวใจสำคัญ คือ “ทีมพื้นที่” ที่ลงมือทำจริง สำรวจจริง และแก้ไขจริง สิ่งที่น่าสนใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ถึง 3 เรื่องหลักๆ เลย ดังนี้

 

1. การจัดการจุดเสี่ยง

พี่เซฟชอบเรื่องนี้มากเลยครับ คุณครูในโครงการนี้เขาใช้วิธีที่เรียกว่า “ทำแผนที่เดินดิน” คือการลองเดินจากบ้านเด็ก ๆ มาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่อันตรายบ้าง เช่น ถนนที่มีรถวิ่งเร็ว หรือจุดที่ไม่มีทางม้าลาย พอเจอแล้วก็ชวนผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่นมาคุยกัน เพื่อหาทางแก้ไขครับ จากแค่การสำรวจเล็ก ๆเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของการนำไปสู่การสร้างทางม้าลาย หรือปรับปรุงจุดรับ-ส่งเด็กให้ปลอดภัยขึ้นได้เลยครับ

2. การจัดการพฤติกรรมเสี่ยง ขับขี่มีวินัย ปฏิบัติตามกฎจราจร สวมหมวกนิรภัย คาดเข็มขัด และการจัดระบบรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย

เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะการจะสร้างความปลอดภัยที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรม โครงการนี้เขาเริ่มต้นจากการทำ “ข้อตกลงร่วมกัน” (หรือที่เรียกกันว่า MOU) ระหว่างครู ผู้ปกครอง และหน่วยงานในพื้นที่เลยครับ อย่างที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เขาทำข้อตกลงกันว่าจะขับขี่อย่างมีวินัยและปลอดภัย เช่น ใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ผลที่ได้คืออัตราการสวมหมวกกันน็อกของเด็ก ๆ และครูเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เลยครับ เห็นไหมครับว่าถ้าเราช่วยกันพูดคุยและตกลงกัน ก็จะสร้างวัฒนธรรมที่ดีงามนี้ให้เกิดขึ้นได้

3. การดำเนินการเรียนการสอน

การสอนเรื่องความปลอดภัยไม่ได้จำกัดแค่การบอกว่า “ห้ามทำ” แต่เป็นการสอนให้เด็ก ๆ เข้าใจและทำได้จริงครับ คุณครูมีการพัฒนาสื่อการสอนที่สนุกและเข้ากับวัยของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเล่านิทาน, ทำป้ายสัญญาณจราจรจำลอง หรือแม้แต่การนำภูมิปัญญาของท้องถิ่นมาใช้

  • ภาคใต้ ก็ได้นำ การแสดงหนังตะลุงและรำมโนราห์ มาประยุกต์ใช้สอนเรื่องความปลอดภัยทางถนน
  • ภาคกลาง ก็นำ เพลงฉ่อย มาเป็นสื่อการเรียนรู้
  • ภาคเหนือ ได้นำ สะล้อ ซอ ซึง ที่คุณครูแต่งมาใช้สอนเด็ก ๆ
  • ภาคอีสาน ได้นำ ผญา บทร้องสรภัญญะมาให้เด็กร้อง

ใช่เลยครับว่า…การเรียนรู้แบบนี้ทำให้เด็ก ๆ สนุกและซึมซับเรื่องความปลอดภัยทางถนนไปในตัวเลย

พี่เซฟชวนคิด!! แล้วเราจะเริ่มต้นในพื้นที่ของเราได้อย่างไร?

หลังจากได้เห็นไอเดียน่าสนใจที่พี่เซฟเอามาเล่า เชื่อว่าคุณครูหลายท่านอาจจะอยากลองเอาไปปรับใช้ในศูนย์ของตัวเองบ้าง พี่เซฟขอสรุปขั้นตอนง่ายๆ ที่เราสามารถเริ่มต้นกันได้เลยครับ

1. ชวนทีมเพื่อนครูคุยกันก่อน

เริ่มจากคุยกับเพื่อนครูในศูนย์ของเราก่อนว่าเราสนใจเรื่องนี้กันไหม ถ้าทุกคนเห็นความสำคัญและพร้อมที่จะลงมือทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดเลยครับ

2. เดินสำรวจพื้นที่ของตัวเอง

ลองทำ “แผนที่เดินดิน” ในแบบฉบับของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของเราเองดูนะครับ เดินดูเส้นทางที่เด็ก ๆ ใช้จริง จะได้เห็นภาพว่ามีจุดไหนที่น่าเป็นห่วงบ้าง

3. ชวนคนในชุมชนมาช่วยกัน

อย่าลืมนะครับว่าเราไม่ได้ทำคนเดียว ชวนผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่มาคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน

4. ออกแบบกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับเด็ก

ลองคิดกิจกรรมหรือสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะกับเด็ก ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของเรา อาจจะลองเอาสื่อท้องถิ่นมาปรับใช้ก็ได้นะครับ

การเดินทางสู่การเป็น “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบ” ด้านความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้จริงครับ ขอแค่เราเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ และช่วยกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ของเราและชุมชนของเรา

พี่เซฟเชื่อว่าความปลอดภัยทางถนนที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นรากฐานที่มั่นคงให้เด็ก ๆ ของเราเติบโตได้อย่างมีคุณภาพแน่นอนครับ

 

หากใครสนใจอ่านฉบับเต็มสามารถดาวน์โหลดคู่มือฯ ได้ที่
ปฐมวัยไทยแลนด์: https://ecd.onec.go.th/knowledge/manual/8577/

ที่มา: เส้นทางสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กด้านความปลอดภัยทางถนน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

547
“ความปลอดภัยทางถนน ต้องเริ่มจัดการที่ระบบ ควบคู่กับการให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึก” เสียงจากแพทย์ผู้ปูทางขับขี่ปลอดภัยในไทย
372
ง่วง…หลับ…และตกจากเบาะหลัง ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ภาพที่คุ้นตาคือ เด็กประถมสะพายเป้ใบใหญ่ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพ่อแม่กลับบ้าน
512
การทัศนศึกษาคือวันที่เด็ก ๆ รอคอย! เพราะเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ออกไปเปิดโลก เรียนรู้นอกห้องเรียน

สนับสนุนโดย

บริหารจัดการโดย

ติดตามข่าวสารของเรา

Loading

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.