จากรายงานของ Global status report on road safety ในปี 2023 จาก World Health Organization (WHO) พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเยาวชนทั่วโลกของเด็กและเยาวชนอายุ 5–29 ปีทั่วโลก คือ “อุบัติเหตุทางถนน” โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ คนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง
วันนี้พี่เซฟจึงจะขอเปิดคาบห้องเรียนด้วยเนื้อหาของต่างแดนกันครับ ในปี 2022 ประเทศสหรัฐอเมริกา พบสถิติว่ามีวัยรุ่นอายุ 13–19 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด 2,883 คน โดยประมาณสองในสามของวัยรุ่นที่เสียชีวิตเป็นเพศชาย เมื่อเจาะลึกลงในข้อมูลจะเห็นว่า ผู้ขับขี่อายุ 16–19 ปี มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ
เป็นที่รู้กันว่าการขับขี่ของวัยรุ่นมีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ไม่ใช่เพียงเพราะประสบการณ์ในการขับขี่ยังน้อย แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมที่ชอบทดลอง ท้าทาย เหตุผลเหล่านี้จึงเป็นที่มาของ “ระบบ Graduated Driver Licensing“ (GDL) หรือ “ใบขับขี่แบบเป็นขั้นตอน”
ทำความรู้จักกับ “ระบบ Graduated Driver Licensing“ (GDL) หรือ “ใบขับขี่แบบเป็นขั้นตอน” คือระบบที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักขับหน้าใหม่ โดยให้สิทธิ์ในการขับขี่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านกระบวนการฝึกฝนและควบคุมความเสี่ยงทีละระดับ ระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่วัยรุ่นได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เผชิญความเสี่ยงมากเกินไปในช่วงแรกของการขับรถ
มี 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
1. ขั้นใบขับขี่แบบมีเงื่อนไข : Learner’s Stage
- ขับได้เฉพาะตอนมีผู้ใหญ่นั่งไปด้วยเท่านั้น
- ต้องฝึกขับเป็นจำนวนชั่วโมงที่กำหนด เช่น 50 ชั่วโมง
2. ขั้นใบขับขี่แบบจำกัด : Intermediate Stage
- อนุญาตให้ขับขี่คนเดียวได้ แต่มีข้อจำกัด ได้แก่ ห้ามขับตอนดึก และจำกัดจำนวนผู้โดยสารวัยรุ่น
3. ขั้นใบขับขี่เต็มรูปแบบ : Full License
- เมื่อผ่านระยะเวลาทดลองและไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงหรือการฝ่าฝืน
ข้อดีที่สำคัญของ ระบบ GDL คือ
1. สอนและให้ความรู้เรื่องความรับผิดชอบในการขับขี่ทางถนนทีละขั้นตอนที่เหมาะสมตามช่วงวัยและประสบการณ์
2.ลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การแข่งรถ, ขับขี่ตอนง่วง, ขับพร้อมเพื่อนวัยเดียวกัน
3.การช่วยลดความเสี่ยงของวัยรุ่นในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากการขาดประสบการณ์ การขับขี่โดยมีเพื่อนวัยเดียวกัน และแนวโน้มชอบท้าทายกฎจราจร เพราะเยาวชนอายุ 16-19 ปี มีแนวโน้มเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าอายุอื่นถึง 3 เท่า
ระบบนี้ถูกนำมาใช้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ รวมถึงบางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ และ ไอร์แลนด์เหนือ สถิติจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ระบุว่า ในรัฐที่มี ระบบ GDL เข้มข้น อย่างแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในกลุ่มเยาวชนอายุ 16-17 ปี ลดลงได้ถึง 20-40% โดยเฉพาะการห้ามขับตอนกลางคืน และการจำกัดจำนวนผู้โดยสารวัยรุ่นที่เดินทางร่วมกัน
ในประเทศไทย แม้จะมีข้อสอบภาคทฤษฎีและการฝึกขับก่อนรับใบขับขี่ แต่ยังไม่มีระบบ “ใบขับขี่แบบเป็นขั้นตอน” อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น การเรียนรู้จากระบบ GDL ในต่างประเทศอาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ควรนำมาศึกษาเพื่อปรับใช้ในบริบทของไทย เพื่อให้เยาวชนไทยได้ฝึกฝนและขับขี่อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุดนี้ก็หวังว่าในอนาคตประเทศไทยเองจะมีระบบ “Graduated Driver Licensing“ (GDL) หรือ “ใบขับขี่แบบเป็นขั้นตอน” มาใช้เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุของวัยรุ่นบ้านเรา เชื่อว่าการทำให้ “การขับขี่” เปรียบเสมือน “การเรียนรู้” เพราะระบบ GDL อาจไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่มันคือ “กระบวนการปลูกฝังวินัยและความปลอดภัย”
ที่มา:
– National Highway Traffic Safety Administration, www.nhtsa.gov
– Global status report on road safety 2023, WHO, https://assets.bbhub.io/dotorg/sites/64/2023/12/WHO-Global-status-report-on-road-safety-2023.pdf
– www.apass4u.co.uk/blog/2015/03/graduated-driving-licence