ค้นหา

ขับขี่ศึกษา กับรหัส 4 ห้าม 3 ต้อง

283

วันนี้พี่เซฟ ในฐานะประธานนักเรียนวิชาขับขี่ศึกษา มาพร้อมกับรหัสง่าย ๆ ให้ท่องจำ และทำตาม น้อง ๆ อาจจะเอาไปบอกต่อคุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนที่ใช้รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ได้ เพราะรหัส 4 ห้าม 3 ต้อง จะช่วยให้การใช้ชีวิตบนท้องถนนปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุอย่างแน่นอน

4 ข้อห้ามทำในขณะขับขี่

ห้ามโทร

ทุกครั้งที่เราใช้รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์เพื่อการเดินทาง การไม่โทร ไม่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ละก็ พี่เซฟก็อยากจะให้หาที่จอดรถเพื่อทำธุระทางโทรศัพท์ให้เรียบร้อยซะก่อน อย่าลืมว่าบนถนนไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น แต่มีเพื่อนร่วมทางด้วย หากเราขับขี่อย่างระมัดระวัง ทุกคนบนถนนก็จะปลอดภัยไปด้วยกันนะครับ

ห้ามเล่น

แน่นอนว่าการเดินทางอยู่บนถนน ไม่ว่าจะเดินอยู่บนฟุตบาท ข้ามทางม้าลาย หรือขณะขับขี่ ต้องไม่หยอกล้อเล่นกัน เพราะบางทีอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ทำให้ทุกการตัดสินใจขณะใช้ถนนของเราเกิดความผิดเพี้ยน ฉะนั้นแล้วก็ตั้งใจใช้ถนนในทุกรูปแบบจึงจำเป็นต้องมีสติเสมอ เหมือนกับที่เราคุ้น ๆ หูว่า ตั้งสติก่อนสตาร์ตนั่นแหละครับ

ห้ามเร็ว

น้อง ๆ รู้ไหมว่า หากเราขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะมีแรงปะทะเหมือนกับเราตกตึกจากชั้น 5  หรือถ้าเราขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดอุบัติเหตุ จะมีแรงปะทะเหมือนกับเราตกตึกจากชั้น 20 นี่แหละ จึงเป็นที่มาของการ “ห้ามเร็ว” เพราะยิ่งขับขี่เร็ว ยิ่งรุนแรง และยิ่งเสี่ยงตาย

ห้ามดื่มแล้วขับ

“แค่กรึ่มก็ถึงตาย” เพราะแอลกอฮอล์ที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ทั้งการตัดสินใจที่ช้าลงและการมองเห็นที่แย่ลง อาจเกิดภาพมัว ภาพซ้อน ความสามารถในการมองกว้างลดลง ไปจนถึงการมองเห็นวัตถุผิดขนาด และ ผิดเพี้ยนจากความจริง นำไปสู่อันตรายต่อทั้งตัวเอง และ ถ้าโชคร้ายก็อาจหมายถึงชีวิตผู้อื่นด้วย ฉะนั้นแล้วกลับบ้านปลอดภัย ดื่มไม่ขับนะ

3 ข้อต้องทำจำให้ขึ้นใจขณะขับขี่

ต้องมอง

ทุกครั้งที่ต้องการข้ามถนน ก็จะมีทางเลือกให้เราอยู่ 2 อย่าง นั้นก็คือสะพายลอย หรือทางม้าลาย และถ้าหากเรามีแค่ทางม้าลายให้ใช้ในการข้ามถนนเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยที่สุด เราต้องมองขวา มองซ้ายให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีรถมาจึงค่อยข้ามถนนได้

ต้องสวม

ข้อมูลสถิติความเสี่ยงและความรุนแรงของการไม่สวมหมวกกันน็อก พบว่า หากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ไม่สวมหมวกกันน็อกจะต้องรักษามากกว่าผู้สวมหมวกกันน็อกถึง 3 เท่า มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากถึง 92.8% และสำหรับผู้ซ้อนท้ายเสี่ยงเสียชีวิตได้มากถึง 96.8% ขณะที่การสวมหมวกกันน็อกสามารถช่วยลดความรุนแรงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึง 72% ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ 39% แน่นอนว่าการต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ นะครับ

ต้องคาด

รู้ไหม? ว่าการโดยสารรถยนต์แล้วไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีโอกาสบาดเจ็บสาหัสเกิน 50% เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อต้องเบรกกระทันหัน เข็มขัดนิรภัย นี่แหละ ที่จะเป็นตัวช่วยของเรา เพราะตามหลักฟิสิกส์แล้ว หน้าที่ของเข็มขัดนิรภัยคือมันจะช่วยชะลอการพุ่งไปข้างหน้า และรั้งตัวเราไว้ไม่ให้ปลิวออกไปจากเบาะ ซึ่งจะช่วยลดแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นกับเรา อย่างกรณีรถชน ก่อนที่เราจะกระแทกกับสิ่งต่าง ๆ หากขับรถโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ที่ความเร็ว 50 กม./ชม. แรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นกับคนที่น้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม จะอยู่ที่ 10,800 กิโลกรัม แต่หากคาดเข็มขัด แรงกระแทกจะลดลงเหลือ 2,170 กิโลกรัม คือลดลงถึง 5 เท่า! ฟังอย่างนี้แล้วเมื่อขึ้นนั่งรถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยจนเป็นนิสัยกันเลยนะครับเพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง

และนี่คือ รหัสไม่ลับ 4 ห้าม 3 ต้อง ท่องให้ขึ้นใจขณะขับขี่ ที่พี่เซฟอยากฝากน้อง ๆ ให้ท่องจำ และทำเป็นนิสัยนะครับ ก็เพราะว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนนั่นเอง ^_^

ที่มา:

1. นิทรรศการนักสืบจราจร สสส.

2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ติดตามโซเชียลของเราได้ที่

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.