5 เรื่องเช็กรถให้ชัวร์ก่อนทัวร์หน้าฝน

5 things to check in raining season 00
360

หน้าฝนนับว่าเป็นอีกฤดูกาลหนึ่งที่เป็นเหมือนของแสลงกับนักขับขี่เสมอ ไม่ว่าจะทั้งตัวเปียก ถนนลื่น ทัศนวิสัยแย่ ใด ๆ ล้วนเป็นอุปสรรคของการขับขี่แทบทั้งสิ้น และยังนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนถนนได้ง่าย แน่นอนว่าเราไม่สามารถควบคุมฟ้าฝนได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงจากการขับขี่ในช่วงฝนตกได้ครับ

นั่นก็คือการตรวจเช็กรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ของเราให้มีสภาพพร้อมใช้ต่อการเดินทางอยู่เสมอ

5 things to check in raining season 01

1. ระบบเบรก

ฝนตกทำให้ถนนลื่น กว่าปกติส่งผลต่อประสิทธิภาพการเบรก เพราะถนนลื่นแรงเสียดทานระหว่างยางกับพื้นถนนก็จะน้อยลง กะระยะเบรกให้พอดี ไม่ควรเบรกกะทันหัน และอีกสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการควบคุมรถนั้น ส่วนหนึ่งมาจากระบบเบรกของรถที่อาจกำลังเสื่อมสภาพ

ดังนั้นเราสามารถเช็กระบบเบรกรถเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้ เช่น

  • ถ้าเราเหยียบเบรกแล้วได้เสียงครืด หรือแหลมออกมา หรือกดเบรกไปแล้วรู้สึกว่าเบรกตอบสนองช้ากว่าปกติล่ะก็ แปลว่าผ้าเบรกของเรากำลังใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว
  • ถ้าเหยียบเบรกแล้วเกิดอาการสั่นไปทั้งคัน อาการนี้แปลว่าจานรองเบรกคดหรือบิดจากการใช้งานเป็นเวลานาน หรือหากรถมีการขับลุยน้ำ จานขณะใช้งานที่มีความร้อนสูงเมื่อกระทบกับน้ำ ก็อาจทำให้ตัวจานคดงอผิดรูปได้เช่นกัน

ซึ่งทั้งหมดนี้คือตัวอย่างอาการเบื้องต้น ถ้าน้อง ๆ คนไหนเจอแล้วล่ะก็ พี่เซฟแนะนำให้ส่งรถพบช่างโดยด่วน

5 things to check in raining season 02

2. ยางรถ

ยางรถ ก็เปรียบเสมือนขาที่เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเราที่จะช่วยขับเคลื่อนเราให้เคลื่อนที่อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าหากยางรถเราอยู่ในสภาพดี ไม่ว่าถนนจะมาในสภาพอากาศไหน โอกาสของการขับขี่ปลอดภัยก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย

ดังนั้นให้คอยสังเกตอาการและสภาพของยางรถอยู่เสมอ เช่น

    • นำเหรียญบาทเช็กความลึกของดอกยางรถไม่ให้ต่ำกว่า 1/3 นั่นหมายความว่าดอกยางรถยนต์ของคุณเหลือน้อยแล้ว (1 ใน 3 ของเหรียญบาท หากต่ำกว่านั้นแสดงว่าดอกยางเริ่มเสื่อมแล้ว)
    • หากขับรถเข้าโค้งทุกครั้ง รถมีอาการไถลบ่อยในความเร็วปกติ แปลว่าดอกยางใกล้จะหมดสภาพแล้ว
    • ขับรถในขณะที่ฝนตกแล้วรู้สึกว่าเหยียบคันเร่งเท่าไหร่ก็เร่งไม่ขึ้นสักที เป็นไปได้ว่าสาเหตุมาจากลมยางรถที่อ่อน ซึ่งอาการนี้จะยิ่งแสดงออกชัดเจนถ้าเราต้องขับรถฝ่าฝน เพราะจะทำให้เรารู้สึกฝืด ๆ ขณะขับขี่มาก ถ้าเจออาการแบบนี้แล้วควรเติมลมยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจะดีที่สุด
5 things to check in raining season 03

3. น้ำฉีดกระจกรถ

อ่านแล้วอาจจะงง ว่าฝนก็ตกอยู่แล้ว จะฉีดน้ำไปเพื่ออะไร ยังไงน้ำฝนก็ช่วยชะล้างกระจกหน้ารถแล้ว แท้ที่จริงแล้วน้ำฉีดกระจกรถกลับมีความสำคัญกว่าที่น้อง ๆ คิด เพราะตอนฝนตกเราอาจไม่ได้สังเกตอะไร แต่ถ้าฝนหยุดตกเมื่อไหร่ล่ะก็ คราบฝุ่น โคลน และดินที่ถูกพัดหรือกระเด็นติดหน้ารถหลังฝนหยุดตก จะกลายมาเป็นคราบที่ติดอยู่หน้ากระจกรถ บดบังทัศนวิสัยขณะขับขี่รถของน้อง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องใช้น้ำยาฉีดกระจกเพื่อให้คราบต่าง ๆ หลุดออกไป

ดังนั้นก่อนออกเดินทางในหน้าฝนแบบนี้ อย่าลืมที่จะตรวจเช็กสภาพรถ โดยเฉพาะน้ำฉีดกระจกรถด้วย ซึ่งวิธีสังเกตได้ง่าย ๆ ให้น้อง ๆ คอยเช็กว่าเวลากดที่ฉีดน้ำแล้ว น้ำพุ่งออกมาเต็มที่หรือไม่ ถ้ากดแล้วน้ำยาไม่พุ่งออกมาหรือออกมาไม่เต็มที่ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีสิ่งปฏิกูลไปอุดตัดท่อน้ำยาฉีดกระจกนั่นเอง

5 things to check in raining season 04

4. ที่ปัดน้ำฝน

ไอเทมสำคัญในการขับขี่รถช่วงฤดูฝนเลยก็ว่าได้ เพราะจะช่วยปรับทัศนวิสัยการขับขี่ได้ชัดเจนขึ้นเมื่อฝนตกโดยตรง แต่นั่นหมายถึงการใช้งานที่หนักและมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ น้อง ๆ จะต้องตรวจเช็กอะไหล่รถอย่างที่ปัดน้ำฝนอยู่ตลอด ที่จะรักษาความคงทนในการใช้งานไปอีกนาน

ซึ่งวิธีการตรวจสภาพที่ปัดน้ำฝนไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เช่น

  • ถ้าเกิดเสียงดังเอี๊ยด ๆ เมื่อเราเริ่มกดที่ปัดน้ำฝน ขณะฝนตกขึ้นมา หากได้ยินเสียงนี้เมื่อไหร่ เราจะรู้ได้ทันทีว่า ยางที่ปัดน้ำฝนของเรานั้นเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนอันใหม่แล้วล่ะ
  • หรือขณะกำลังปัดน้ำฝนไปมา อยู่ดี ๆ ที่ปัดก็เกิดอาการสะดุดหรือกระตุกขึ้น นั่นก็เพราะว่าที่ปัดน้ำฝนของเรากำลังเริ่มเสื่อมสภาพลงไปทุกที ต้องหาเปลี่ยนอันใหม่มาแทนเช่นกัน
  • หรือการใช้ที่ปัดน้ำฝนเท่าไหร่ ปัดไปปัดมาก็ไม่สะอาดเสียที เรียกว่ายิ่งปัดกระจกแล้วยิ่งทำให้กระจกมัวหมองกว่าเดิม ถ้าเจอแบบนี้ให้น้อง ๆ รู้เลยว่าตัวที่ปัดน้ำไม่ได้กดน้ำหนักลงบนกระจกได้เต็มที่เหมือนเดิม ซึ่งสาเหตุมาจากยางของที่ปัดน้ำฝนมีการฉีกขาด แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทดแทนโดยเร็ว

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ที่ปัดน้ำฝน” ได้ที่ https://safeeducationthai.com/car-wipers/

5 things to check in raining season 05

5. ระบบไฟ

การขับรถหน้าฝนนั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะทัศนวิสัยการมองเห็นยามฝนตก ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นในการให้สัญญาณที่ดีระหว่างขับรถในฤดูนี้ คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากไฟรถ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟกระพริบหรือไฟฉุกเฉิน ไฟตัดหมอกและไฟเบรก ซึ่งทุกไฟที่ระบุมานั้นล้วนเป็นตัวช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ตอนฝนตก ซึ่งน้อง ๆ สามารถตรวจเช็กอะไหล่รถที่เป็นระบบไฟเบื้องต้นได้ เช่น

  • ไฟรถกระพริบขึ้นมาถี่ ๆ โดยที่ไม่ได้เป็นคนสั่งใช้งาน เป็นสัญญาณให้เรารู้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนหลอดไฟได้
  • หรือเมื่อเปิดไฟเลี้ยวแล้ว ได้ยินเสียงสวิตช์ไฟเปิดปิดดังแบบผิดปกติ อันนี้ก็แปลได้ว่า มีไฟเลี้ยวหลอดใดหลอดหนึ่งขาด ควรเปลี่ยนหลอดไฟในทันที

หลีกเลี่ยงจุดที่เป็นแอ่งน้ำหรือมีน้ำท่วมขัง เรายังคงพบเห็นถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เล็ก-ใหญ่บ้าง ตื้น-ลึกบ้าง เมื่อฝนตกจะกลายเป็นแอ่งน้ำ  อาจจะขับขี่ตกหลุมจนล้อและยางเสียหายเกิดอุบัติเหตุได้ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

อ่านจบแล้ว พี่เซฟอยากชวนทุกคนลองไปตรวจเช็กสภาพรถกันดูนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ยางรถ น้ำยาฉีดกระจก ที่ปัดน้ำฝน และระบบไฟ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการขับขี่ช่วงฤดูฝนแบบนี้ หากส่วนใดเสื่อมสภาพ พี่เซฟก็อยากชวนให้ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงให้รถเรามีสมรรถนะที่พร้อมใช้งาน ให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมแบบไหนก็ตาม เพราะอะไรนะหรอครับ ก็เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนเราต้องรอด และปลอดภัยอยู่เสมอยังไงละค๊าบบบบ

ที่มา:

– Tidlor, https://bit.ly/42YXTAa

– Lotussmoney, https://bit.ly/3r7O1GJ

– Nexen Tire, https://bit.ly/3PtFDvB

– Bridgestone, https://bit.ly/3PwvWfG

– Kapook, https://car.kapook.com/view223988.html

ติดตามโซเชียลของเราได้ที่

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.