ค้นหา

เลือกหมวกกันน็อกให้ปลอดภัยและโดนใจคุณ

about-helmets
199

จะขับมอเตอร์ไซค์ทั้งที เพื่อการขับขี่บนท้องถนนจะได้มีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎจราจร ก็ต้องมีหมวกกันน็อกประจำตัวกันสักหน่อย แต่ๆๆๆ… หมวกกันน็อกไม่ใช่ของที่ซื้อมาใส่แล้วก็จบไป แต่จริง ๆ อุปกรณ์สำคัญประจำตัวนักบิดชิ้นนี้มีหลายแบบกว่าที่คิด มากรายละเอียดมากกว่าที่เห็น ซึ่งพี่เซฟจะพาน้อง ๆ ทุกคนไปรู้จักกันว่า โลกของหมวกกันน็อกมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบหน้าตามันเป็นอย่างไรกันบ้าง 

half-face

1. หมวกกันน็อกครึ่งใบ (Half face)

นี่คือหมวกกันน็อกที่พี่เซฟมั่นใจว่าน้อง ๆ พบเจอกันตามท้อนถนนมากที่สุด เพราะว่าเจ้าหมวกครึ่งใบหน้าตาแบบนี้เป็นหมวกกันน็อกที่สวมใส่ง่าย อีกทั้งราคาก็ถูกแสนถูกเพียงหลักร้อยต้น ๆ และยังหาซื้อได้ง่ายมาก ๆ (เอาจริง ๆ ถอยมอเตอร์ไซค์ใหม่ ๆ มาบางทีร้านก็แถมมาให้นะเออ)

ซึ่งที่เรียกหมวกกันน็อกประเภทนี้ว่าแบบครึ่งใบนั้น เป็นการอธิบายส่วนที่หมวกปกคลุมศีรษะ โดยเริ่มตั้งแต่ส่วนกระโหลกด้านบนไปจนถึงบริเวณหน้าผากและเหนือท้ายทอย ซึ่งการปกคลุมศีรษะเพียงแค่นี้ ทำให้หมวกกันน็อกครึ่งใบเป็นหมวกที่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ต่ำ หากเกิดอุบัติเหตุแล้วแทบจะช่วยอะไรได้ค่อนข้างน้อย แถมไม่มีกระจกบังหน้าสำหรับป้องกันลมและเศษวัสดุต่าง ๆ เข้าตาผู้ขับขี่ด้วย หมวกกันน็อกประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับการขับขี่ที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น

ที่มาภาพ: https://img.icarcdn.com/autospinn/body/fbc2d99e-20180611-03.jpg   

open-face

2. หมวกกันน็อกเปิดหน้า (Open face)

เป็นหมวกอีกประเภทที่มีผู้ใช้งานมากพอ ๆ กับหมวกกันน็อกครึ่งใบเลย เนื่องจากสวมใส่ได้ง่าย และแม้มีราคาสูงกว่าหมวกแบบครึ่งใบอยู่บ้าง แต่ฟังก์ชันที่ได้มาคุ้มค่ากว่ามาก

จุดที่หมวกกันน็อกแบบนี้มีคุณภาพเหนือแบบครึ่งใบ คือการป้องกันศีรษะที่เพิ่มส่วนท้ายทอยเข้าไป พร้อมมีกระจกบังหน้าสำหรับกันลมและเศษวัสดุให้อีก หรือหมวกบางใบก็มีการเซาะหมวกเพื่อสร้างช่องลม เพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศภายในหมวก

หมวกกันน็อกแบบเปิดหน้าจึงเป็นหมวกกันน็อกที่ค่อนข้างครบเครื่องและใช้งานได้ยืนหยุ่นสถานการณ์ เป็นหมวกกันน็อกที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางระยะกลาง ในความเร็วที่ไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แต่จุดสังเกตของหมวกประเภทนี้ที่น้อง ๆ อาจต้องพึงระวัง คือหมวกกันน็อกเปิดหน้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการป้องกันบริเวณคาง ซึ่งอาจะทำให้ลมไหลเข้ามาในหมวก รบกวนการขับขี่ได้ รวมถึงความเสี่ยงที่หมวกจะหลุดออกจากศีรษะหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง

นอกจากนี้ และยังมีหมวกแบบเปิดหน้าแต่ไม่มีกระจกบังลมอีกกลุ่มหนึ่งที่หน้าตาจะวินเทจหน่อย ๆ ชาวนักบิดจะนิยมเรียกหมวกชนิดนี้ว่า “หมวก 5 เป็ก” ซึ่งมีชื่อมาจากปุ่ม 5 ปุ่มที่เรียงตัวอยู่รอบกรอบหน้าหมวก ซึ่งรูปแบบและฟังก์ชันหมวกชนิดนี้จะเหมือนกับหมวกเปิดหน้าทุกประการ ต่างเพียงแค่ไม่มีกระจกบังหน้า

ที่มาภาพ: RIDER 

full-face

3. หมวกกันน็อกเต็มใบ (Full face)

มาถึงหมวกกันน็อกที่ปลอดภัยที่สุด ป้องกันดีที่สุด ทนทานที่สุด เป็นที่นิยมในชาว Bigbike และยังเป็นหมวกกันน็อกประเภทเดียวที่สามารถนำไปใช้ในการแข่งขันรถจักรยายนต์ระดับอาชีพได้เลย

ที่เรียกกันว่าหมวกกันน็อกเต็มใบ ก็เพราะมีการออกแบบป้องกันของหมวกให้คลอบคลุมทั้งศีรษะไปจนถึงใบหน้าเลย เจาะช่องไว้แค่เพียงเฉพาะจมูกและตาเท่านั้น แถมยังมีการออกแบบด้านพลศาสตร์ ให้เกิดอากาศไหลเวียนภายในหมวกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการขับขี่ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง

พอมันเป็นหมวกคุณภาพสูงขนาดนี้ สิ่งที่ตามมา ราคาของหมวกกันน็อกกลุ่มนี้ค่อนข้างสูงถึงสูงมาก (ราคาแปรผันไปตามวัสดุผลิตหมวกและฟังก์ชันเสริม เช่น ยิ่งหมวกแข็งแรง เบา ฟังก์ชันหลากหลาย ราคาก็จะแพงขึ้น) คือเริ่มตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนเลย แถมทั้งยังสวมใส่ค่อนยากและสร้างความอึดอีดขณะสวมใส่ได้ง่ายสำหรับผู้ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ

ที่มาภาพ: https://inwfile.com/s-f/444h0c.jpg   

Modular

4. หมวกกันน็อกยกคาง (Modular)

อาจจะไม่ได้เห็นในท้องตลาดมาก แต่นี่คือหมวกกันน็อกที่รวมเอาข้อดีของหมวกแบบเปิดหน้าและหมวกเต็มใบไว้ด้วยกัน เป็นที่นิยมในกลุ่มชาว Big Scooter หรือ Bigbike ขับทางไกลมากเลยทีเดียว

มองจากภายนอกน้อง ๆ อาจจจะเห็นเป็นหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ แต่ฟังก์ชันสุดเจ๋งของหมวกกลุ่มนี้คือสามารถยกส่วนกั้นคางของหมวกกันน็อกขึ้นได้ เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหมวกเปิดหน้า เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความสะดวกแบบหมวกกันน็อกเปิดหน้า แต่ก็ยังต้องการความปลอดภัยแบบหมวกกันน็อกเต็มใบนิยมใช้งานกับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานหมวกกันน็อก แต่ยังต้องการความปลอดภัยที่มากกว่าหมวกแบบเปิดหน้าปกติ

ข้อสังเกตเดียวของคือหมวกกลุ่มนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งอาจสร้างความเมี่อยล้าขณะสวมให้กับผู้ขับขี่ได้นั่นเอง

ที่มาภาพ:

https://thai.webike.net/news/wp-content/uploads/2021/12/59974d469d08c6921370a4535057ed32.jpg   

dirt-motocross

5. หมวกกันน็อกวิบาก (Dirt, Motocross)

หมวกกันน็อกกลุ่มนี้น้อง ๆ อาจจะไม่ค่อยได้เห็นบนท้องถนนกันสักเท่าไหร่ เพราะเป็นหมวกกันน็อกที่ใช้เฉพาะทางมาก ๆ คือใช้สำหรับการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบาก (Motocross) เป็นหลัก โดยมีจุดสังเกตคือลักษณะของหมวกจะส่วนยื่นออกไปบริเวณคางแบบเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่หน้าตาหมวกเป็นแบบนี้เนื่องจากอุบัติเหตุของนักแข่งรถมอไซค์วิบากส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นที่คางของผู้ขับขี่อยู่เป็นประจำ ส่วนเสริมคางจึงถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องคางของนักบิดวิบากให้ปลอดภัยนั่นเอง

ด้านหน้าของหมวกกันน็อกกลุ่มนี้จะไม่ได้ออกแบบเป็นกระจกบังลมเหมือนหมวกกลุ่มอื่น ๆ แต่จะมีการออกแบบมาให้สามารถสวมแว่นตาแบบรัดกับหมวกแทน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และมีส่วนแก๊ป (หน้าตาคล้าย ๆ หมวกแก๊บ) อยู่ด้านบนหมวก ไว้ทำหน้าที่บังแดด และกันเศษดินโคลนขณะขับขี่ด้วย

ที่มาภาพ: https://f.ptcdn.info/295/051/000/oq98vr9z5C8Z8v9yUyo-o.jpg   

dual-sport

6. หมวกกันน็อกกึ่งวิบาก, ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ (Dual sport)

คอนเซ็ปต์คล้าย ๆ กับหมวกกันน็อกยกคาง เพราะมันคือหมวกกันน็อกที่รวมเองความเป็นหมวกวิบากและหมวกเต็มใบเข้าไว้ด้วยกัน ในชื่อ หมวกกันน็อกกึ่งวิบาก (Dual Sport Helmet / Touring Adventure Helmet) (อีกชื่อที่เรียกกัน คือหมวกโมตาด) โดยหน้าตาของหมวกกันน็อกกลุ่มนี้จะคล้ายกับหมวกวิบากเลย คือเป็นหมวกกันน็อกมีส่วนกันคางที่ยื่นออกมาและมีแก๊บสำหรับกันแดดกันโคลน แต่ด้านหน้าของหมวกที่ไว้ใส่แว่นตาจะถูกเปลี่ยนเป็นกระจกบังลมเหมือนกับหมวกกันน็อกเต็มใบแทน หมวกกันน็อกกลุ่มนี้จะนิยมใช้งานกับผู้ขี่รถจักรยานยนต์ในระยะทางไกลแนวทัวร์ริ่งเป็นหลัก

ที่มาภาพ: https://inwfile.com/s-ch/ziq94v.jpg  

มาถึงตรงนี้แล้ว น้อง ๆ ก็จะเห็นว่า หมวกกันน็อกแต่ละแบบล้วนมีจุดเด่นด้อยสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งหน้าที่ของชาวนักบิดทุกคนอย่างเรา ๆ คือการเลือกหมวกให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่จักรยานยนต์บนท้องถนนของตนเอง เพื่อให้การทุกขับขี่บนท้องถนนปลอดภัยและถูกต้องตามกฎจราจรนะ

 

ที่มา:

ติดตามโซเชียลของเราได้ที่

© Copyright 2022 Safe Education Thailand. All rights reserved.