ทุกวันนี้ที่เกมเปรียบเสมือนหนึ่งสื่อความบันเทิงแห่งยุคสมัยใหม่ น้อง ๆ หลายคน คงต้องเคยเล่นสวมวิญญาณเกมเมอร์นักซิ่งกันมาบ้างไม่มากก็น้อย (พี่เซฟเองก็ยังเคยเป็นเลย) ไม่ว่าจะเป็นขับขี่รถคู่ใจเข้าแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ เพื่อประลองหาเจ้าความเร็ว หรือขับรถแบบอิสระในเมืองใหญ่ประหนึ่งใช้ชีวิตอยู่จริง ๆ ก่อนที่จะพบว่าเราสามารถขับรถให้พุ่งทะยานพร้อมทั้งชน ขยี้ บี้ อัด รถของเรากับคนอื่น ๆ ในเกม โดยที่ไม่มีใครมาห้ามหรือออกใบสั่งจับเรา
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน พี่เซฟเชื่อว่า ภายใต้ความสนุกที่ทุกคนสัมผัสกับเกมแข่งรถสุดโปรดของแต่ละคนนั้น มันอาจซ่อนบทเรียนบนท้องถนนบางอย่าง ที่ทุกคนสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตจริงได้ไม่มากก็น้อย และวันนี้พี่เซฟจะพาทุกคนไปดูเรื่องราวพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของเรา ที่ซ่อนไว้ใต้ความสนุกแห่งโลกเกมขับรถ
#roadsafetyliteracy
เมื่อเรามาอยู่ในเกม อำนาจขึ้นอยู่กับผู้เล่นอย่างเรา ๆ ทำทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ และบางครั้งก็ไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ทำด้วย ตราบใดที่มันยังอยู่ในโลกของเกมที่เราเล่น และนั่นแหละที่อาจเป็นแรงกระตุ้นให้เราขับรถเร็วขึ้นในชีวิตปกติ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้นำไปสู่เรื่องเหรียญสองด้าน ถ้าหากเราไม่ได้แค่เล่นเกมเพื่อความบันเทิง แต่กลับถูกระตุ้นเร้าความสนุกจากเกมขับรถ และถูกถ่ายทอดมาสู่พฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน
งานวิจัยในปี ค.ศ. 2007 โดยมหาวิทยาลัยลุดวิก-แม็กซิมิเลียนส์ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน ได้ทำการทดสอบให้ผู้ขับขี่เล่นเกมซึ่งมีกฎของการเอาชนะเกมโดยการละเมิดกฎจราจรจำนวนมาก ซึ่งผลการทดลองพบว่า ยิ่งด่านในเกมมีความยากมากขึ้นเท่าไหร่ แนวโน้มที่ผู้เล่นจะมีพฤติกรรมละเมิดกฎจราจรที่สุ่มเสี่ยงและก้าวร้าวในชีวิตจริงมากขึ้นตามไปด้วยจริง ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว
ถ้ามองข้ามความบันเทิงของจากเกมขับรถไป แล้วลองนึกถึงตอนที่เพื่อน ๆ เริ่มจำหรือรู้จักยี่ห้อรถสุดเท่บางคัน ไม่ก็ตอนที่อยู่ดี ๆ ก็มีความรู้เรื่องส่วนประกอบเครื่องยนต์ต่าง ๆ ฉบับย่อขึ้นมาอย่างงง ๆ เพราะต้องเอาไปใช้ในการปรับแต่งรถคันโปรดสำหรับการแข่งขัน หรือบางเกมก็ไปไกลถึงขั้นสอนเราขับรถกันอย่างเป็นจริงเป็นจังเลยก็มี ทำไมเกมขับรถมันไปไกลได้ถึงขนาดนั้นล่ะ?
ต้องบอกว่าแทบทุกเกมขับรถที่มีอยู่ในโลกนี้ ระบบสอนผู้เล่น (Tutorial) ให้เข้าใจหรือเกิดความคุ้นเคยในระบบการขับขี่ยานพาหนะภายในเกม ไปจนถึงยี่ห้อรถยนต์ต่าง ๆ ลามไปยันเรื่องระบบเครื่องยนต์กลไกยานพาหนะ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่มาจากชีวิตจริงทั้งนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะถูก Import เข้าไปเป็นความรู้ประกอบการสร้างเกมแข่งรถมาให้เรา ๆ ได้เล่นกันทุกวันนี้นั่นเอง
กลายเป็นว่า ประสบการณ์ที่เราได้รับการจากเล่นเกมแข่งรถ จึงไม่ได้มีแค่ความบันเทิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะทุกวินาทีที่อะดรีนาลีนของเราสูบฉีดด้วยความสนุกตื่นเต้นจากเกมแข่งรถเกมโปรด ผู้เล่นอย่างเรา ๆ ก็ค่อย ๆ ซึมซับความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนนเข้ามาอย่างช้า ๆ ไปในเวลาเดียวกัน เราเริ่มแยกแยะรถประเภทต่าง ๆ บนท้องถนนได้ดี เริ่มเข้าใจธรรมชาติความเร็วของรถแต่ละประเภท เรียนรู้ที่จะหัดควบคุมรถด้วยตัวเอง (แม้ว่าจะไม่ใช่หลังพวงมาลัยจริง ๆ) ด้วยทักษะการเล่นที่ค่อย ๆ พัฒนาตามระยะเวลา รู้จักกฎจราจรต่าง ๆ ผ่านการอ่านป้ายจราจรที่มองจากในเกม ไปจนถึงเข้าใจเรื่องโลกของกีฬาการแข่งรถอย่างครอบคลุมและรอบด้านได้เลยก็มี
ฟังดูแล้วการเล่นเกมก็ดูเป็นเรื่องเท่ใช่ย่อยเลยทีเดียวนะเนี่ย
ในเกม เราอาจจะขับรถเร็วกว่ากำหนดจนแหกโค้งหลุดถนน ชนกับรถคันอื่นจนเกิดความเสียหายสารพัด หรือแต่งรถให้เร็วแรงได้อย่างใจฝัน และอีกหลายจินตนาการที่เราอยากให้การแข่งรถในโลกเสมือนตอบสนองความบันเทิงของเราได้แบบไร้ขีดจำกัด เพราะสุดท้ายต่อให้เราเล่นพลาดหรือไม่ผ่านด่าน เราก็สามารถ “เริ่มใหม่” ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะผ่านด่าน เพื่อไปเผชิญความท้าทายที่ยากขึ้นในด่านถัดไป
แต่ในชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น บนท้องถนนไม่ได้โอกาสให้พวกเราได้เริ่มต้นใหม่อย่างง่ายดายแบบในเกม เพราะทุกการขับขี่ที่เร็วกว่ากำหนด ทุกความเสี่ยงจากกฎจราจรที่เราฝ่าฝืน และทุกความประมาทของการขับขี่ที่เราละเลย อาจนำไปพาชีวิตเราไปสู่จุดจบแบบที่กดเริ่มใหม่ไม่ได้อีกเลย
ดังนั้นการเริ่มใหม่แต่ละครั้งของเกมขับรถสุดโปรดของเรา อาจจะเป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญเรื่องการใช้รถใช้ถนนทางอ้อมแก่ทุกคนได้ เพราะถึงแม้ว่าเกมเหล่านี้จะไม่ได้มาคอยบอกกฎเกณฑ์บนท้องถนนใด ๆ ให้พวกเรารู้โดยตรง แต่การเรียนรู้จากความผิดพลาดในแต่ละรอบ จนไปถึงตอนที่เรากลับมา “เริ่มเกมใหม่” อาจจะทำให้เราเริ่มตระหนักได้ว่า การขับขี่แบบไหนที่จะทำให้เราชนะ ผ่านด่าน โดยไม่ต้องกลับมาเริ่มใหม่ในด่านเดิมอีกต่อไป
เพราะอาจไม่มีคำว่า “เริ่มใหม่” สำหรับความผิดพลาดบนท้องถนนจริง ๆ นะทุกคน
ที่มา:
#ขับขี่ศึกษา #ความปลอดภัยต้องมาก่อน #safeeducationthai #roadsafety #roadsafetyliteracy