มอเตอร์ไซค์คู่กายก็มี หมวกกันน็อกคู่ใจก็ครบ ไปไหนใกล้ไกลก็สวมหมวกอยู่ประจำ แต่ถ้าสวมกันแบบไม่เข้าใจหรือไม่ถูกต้องล่ะก็ จะซื้อแพงหรือสเปกแรงแค่ไหนก็ไม่น่าจะช่วยให้เราปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้แน่ ๆ อีกทั้งการที่หมวกกันน็อกให้ถูกต้องมันยังเรื่องของกฎหมายอีกด้วย เห็นแบบนี้พี่เซฟเลยจะมาแนะนำน้อง ๆ ถึงการสวมหมวกกันน็อก ว่าสวมอย่างไรให้ ปลอดภัย ถูกใจ และถูกต้อง
1. สวมให้ดี = สวมพอดี
เวลาไปน้อง ๆ ไปซื้อหมวกกันน็อก ถ้าเป็นไปได้ควรจะวัดศีรษะมาจากที่บ้าน หรือถ้าร้านไหนบริการดีระดับห้าดาวล่ะก็ ขอให้พี่เจ้าของร้านช่วยวัดได้ก็ดีมาก โดยวัดขนาดศีรษะส่วนที่กว้างที่สุด ตำแหน่งบริเวณเหนือคิ้วประมาณ 2.5 เซนติเมตร ซึ่งขนาดศีรษะที่ได้จะช่วยให้เราเลือกขนาดของหมวกกันน็อกได้
เอาจริง ๆ พี่เซฟว่าการวัดศีรษะก่อนซื้อนี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่หลาย ๆ คนมองข้ามกันเยอะมาก เพราะมันไม่ใช่แค่ว่าซื้อ ๆ หมวกมาใส่ก็กันกระแทกได้หมด แต่การได้หมวกกันน็อกที่พอดีกับศีรษะ จะช่วยเรื่องเราเรื่องความกระชับขณะสวมใส่ ทำให้การขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น จนไปถึงตอนเกิดอุบัติเหตุที่ลดเปอร์เซ็นต์การหลุดจากศีรษะของหมวกได้อีก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นการช่วยเรื่องสมรรถภาพการขับขี่นั่นเอง
2. อย่าลืมสายรัดคาง
อันนี้พี่เซฟเชื่อว่าหลายคนก็จะเคยมีประสบการณ์นั่งรถวินมอเตอร์ไซค์ เวลาพี่วินยื่นหมวกกันน็อกผู้โดยสารให้เรา แล้วพบว่าสายรัดคางคือสภาพแย่มากหรือไม่มีสายเลยก็มี แถมบิดบนท้องถนนจำนวนมากสวมหมวกกันน็อกแบบไม่ใช่สายรัดคางแบบเยอะมาก ๆ ซึ่งนี่คือเรื่องเสี่ยงและอันตรายสุด ๆ โดยเฉพาะเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะหมวกกันน็อกของทุกคนสามารถหลุดออกจากศีรษะได้แบบดื้อ ๆ (ต่อให้หมวกที่เราสวมพอดีกับศีรษะแล้วก็ตามนะ) เพราะไม่ใช่สายรัดคางนี่แหละ
พี่เซฟอยากบอกว่าสายรัดคางนี่คือของโคตรสำคัญ เหมือนเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่ทำให้หมวกกันน็อกทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่ทุกคนมองข้าม เพียงเพราะว่าไม่อยากเสียเวลาใส่มัน ซึ่งไม่เรารัดคางปุ๊ป ก็เหมือนเราไปลดคุณภาพของหมวกกันน็อกตัวเองไปโดยปริยายเลย
3. สวมแล้วต้องได้ยินเสียงด้วย
อันนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับคนที่ชอบหมวกกันน็อกแบบเต็มหน้าสักหน่อย ด้วยสมัยนี้หมวกประเภทนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะนอกจะเท่ถูกใจวัยรุ่นแล้ว ยังมีคุณภาพเรื่องการปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุได้สูง เพราะหมวกนั้นปกคลุมกระโหลกศีรษะแทบจะ 100% แต่การปิดหมดขนาดนี้ก็มีความเสี่ยงเรื่องของเสียงตามมา เพราะถ้าเราสวมหมวกเต็มใบที่มีขนาดเล็กหรือบีบรัดศีรษะจนเกินไป มันมีโอกาสที่จะไปกั้นการได้ยินของหูเราจะเสียงต่าง ๆ รอบทิศขณะขับขี่บนท้องถนนได้ เพราะเสียงเป็นอีกปัจจัยสำคัญมากต่อการใช้รถใช้ถนนพอ ๆ กับตาเลยนะ
4. ใช้หมวกถูกกฎหมาย
น้อง ๆ ฟังแล้วอาจจะงง ๆ ว่าแค่มีสวมหมวกกันน็อกให้ถูกวิธีก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ แต่พี่เซฟอยากบอกว่าในหมวกกันน็อกมันเป็นเรื่องของกฎหมายด้วย ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุเอาไว้ถึงหมวกกันน็อกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้
1) หมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า หมายความว่า หมวกนิรภัยที่เปลือกหมวกเป็นรูปทรงกลมปิดด้านข้าง ด้านหลัง ขากรรไกร และคาง ในกรณีที่มีบังลม บังลมต้องทำจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี
2) หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ หมายความว่า หมวกนิรภัยที่เปลือกหมวกเป็นรูปทรงกลมปิดด้านข้าง และด้านหลังเสมอแนวขากรรไกรและต้นคอด้านหลัง ด้านหน้าเปิดเหนือคิ้วลงมาตลอดถึงปลายคาง ในกรณีที่มีบังลม บังลมต้องทำจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี
3) หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ หมายความว่า หมวกนิรภัยที่เปลือกหมวกเป็นรูปครึ่งทรงกลมปิดด้านข้างและด้านหลังเสมอระดับหู ในกรณีที่มีบังลม บังลมต้องทำจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี
หมวกนิรภัยให้ใช้ได้ 3 แบบ คือ หมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า แบบเต็มใบ และแบบครึ่งใบ
กรณีที่มีการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับหมวกนิรภัยแบบใดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้ว หมวกนิรภัยที่จะใช้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน….
ขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่และคนโดยสารฯ จะต้องรัดคางด้วยสายรัดคาง หรือเข็มขัดรัดคาง…..
แปลว่า หมวกกันน็อกในท้องตลาดได้รับการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มีการรัดคาง และอยู่ในหมวก 3 แบบที่กล่าวไว้ (หมวกครึ่งใบ เต็มใบเปิดหน้า เต็มใบปิดหน้า) ก็ถือว่าถูกฎหมาย หมวกนิรภัยอื่น ๆ นอกจากนี้ เอามาสวมแทนหมวกกันน็อกแล้วขับขี่บนท้องถนนไม่ว่ากรณีไหน ถือว่าผิดกฎหมายน้า
ที่มา:
- สานต่อยานยนต์, https://shorturl.asia/tOsBX
- Yourhelmets, https://shorturl.asia/usQDU
- BoltTech, https://shorturl.asia/FU4sM
- Motofiix, https://shorturl.asia/S8MOY